เมื่อเช้าวันนี้ (15 พ.ค.) เกิดเหตุรถตู้ที่กลุ่มกองเชียร์ฟุตบอลทีมท่าเรือ เอฟซี เช่าเหมามาจากกทม.ชนประสานงากับรถพ่วงขนน้ำบริเวณถนนชุมแพสีชมพู อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 4 ศพและอีกรายเสียชีวิตที่โรงพยาบาลรวมเป็น 5 ศพ นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 3 รายซึ่งถูกนำส่งรพ.ชุมแพแล้ว
นายสายันต์ สุวรรณชัย คนขับรถพ่วงเล่าว่าตนขับรถขนน้ำมาจากจ.เลย
มุ่งหน้าไปโรงงานน้ำตาลมิตรภูเขียว ที่จ.ชัยภูมิ เมื่อถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ก็เห็นว่ารถตู้คันดังกล่าวขับสวนมาด้านหน้า เพราะด้านซ้ายของรถตู้มีรถชะลอเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน เข้าใจว่ารถตู้น่าจะไม่อยากชะลอความเร็วจึงเบี่ยงเข้ามาในเลนของตนซึ่งตนพยายามบีบแตรแล้วแต่รถตู้ไม่ยอมหลบ และชนประสานงากันในที่สุด
ส่วนนายณรงค์ฤทธิ์ วงษ์เหมา อายุ 37 หนึ่งในผู้บาดเจ็บเผยว่า ตนและเพื่อนๆ กองเชียร์สโมสรการท่าเรือ เอฟซี เช่าเหมารถตู้มาจากกทม.เพื่อไปเชียร์ทีมโปรดที่จ.หนองบัวลำพู ตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินเพียงเสียงชนดังสนั่น ส่วนรายชื่อผู้เสียชีวิตนั้น จะต้องรอแพทย์พิสูจน์อีกครั้ง
เมื่อติดตามไป ก็พบรถคันดังกล่าวจอดไว้ในบ้านร้างแห่งหนึ่ง ป้ายทะเบียนถูกถอดออกทั้งหน้า-หลัง ขณะที่บ้านฝั่งตรงกันข้าม เจ้าหน้าที่ตำรวจพบนายพงษ์และนางสาวกบ (นามสมมติ) ซึ่งแสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนเนื่องจากนายพงษ์มีความเกี่ยวข้องคือเป็นผู้ขายรถให้กับสองสามีภรรยา โดยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ก็ให้การขัดแย้งกันเองด้วย
ด้านนายวุฒิไกร สังขรมย์ อายุ 30 ปี สามีของน.ส.ปิยะนุช ตั้งข้อสังเกตว่านายพงษ์ผู้ขายรถให้กับตนตั้งแต่ปีที่แล้วนั้น ได้นำรถมาส่งถึงที่บ้านและให้กุญแจรถไว้เพียงดอกเดียว โดยไม่ได้ให้กุญแจสำรอง ส่วนน.ส.ปิยะนุชเล่าว่าขณะเกิดเหตุตนและสามีได้ยินเสียงขับรถออกไปทั้งๆ ที่กุญแจยังอยู่ในบ้าน
เช้านี้ (14 พ.ค.) ที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เกิดเหตุรถกระบะชนรถจักรยานนักเรียนทำให้ยาย-หลานคือ นางสมยงค์ ศรีกอง อายุ 55 และด.ญ.วิลาศิณี เพ็งขำ หรือน้องนาโน อายุ 5 ปีบาดเจ็บสาหัส และผู้เป็นหลานซึ่งอยู่เพียงชั้นอนุบาล 3 เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเหตุเกิดระหว่างที่ยาย-หลานกำลังเดินทางไปโรงเรียนบ้านกุงประชาสวรรค์ในวันเปิดเทอมวันแรก
นายสุจินต์ อ่อนกิณรี อายุ 49 ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตนขับรถผ่านมาเห็นเหตุการณ์พอดีจึงลงไปช่วยเหลือทั้งสองคนซึ่งมีอาการสาหัส ขณะนั้นมีพยาบาลสาว รพ.กบินทร์บุรี ขับรถยนต์ผ่านมาเห็นเด็กอาการหนักจึงรีบนำส่ง รพ.กบินทร์บุรี ส่วนคนขับรถกระบะเป็นหญิงสาว ทำงานธนาคารแห่งหนึ่ง สาเหตุน่าจะหลับใน เนื่องจากบนถนนไม่มีรอยเบรก
ในที่เกิดเหตุ ตำรวจพบรถยนต์กระบะ มิตซูบิชิ ไททัน สีขาว สภาพรถด้านหน้าฝั่งซ้ายมีรอยเฉี่ยวชนได้รับความเสียหาย คนขับเป็นผู้หญิงทำงานเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งในอำเภอกบินทร์บุรี แต่ตำรวจไม่พบตัวหญิงสาวในที่เกิดเหตุ ในบริเวณเดียวกันพบรถจักรยานปั่น 2 ล้อ สภาพพังยับเยิน คาดว่าเป็นของยาย-หลาน
ด้านนายประพล คำไกร อายุ 72 ปี อดีตผอ.โรงเรียนบ้านกุงประชาสวรรค์ กล่าวว่า รถกระบะคันดังกล่าวเป็นรถของลูกสาวตน ซึ่งกำลังขับไปทำงานที่ธนาคาร และคาดว่าสาเหตุของการชนน่าจะมาจากการหลับใน
ไอ้หื่นข่มขืน – ทำร้ายร่างกายหญิงวัยเกือบ 60
เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา นางมนันญา หญิงวัย 58 ปีผู้เสียหาย เล่าว่าตนอยู่ที่บ้านในจ.ชัยภูมิตามลำพัง เพราะลูกๆ ไปทำงานที่กทม. ระหว่างเกิดเหตุ มีฝนตกลงมา และก่อนหน้านั้นบ้านได้ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มพัง จนหลังคาห้องครัวหลังบ้านปลิวหายไป ทำให้ผู้ก่อเหตุคือ นายกำพล หรือโป่ย อายุ 25 ปี ปีนเข้ามาในบ้านได้อย่างง่ายดาย จากนั้นจึงบุกมาขึ้นคร่อมในมุ้งและใช้มือปิดปากไว้
ขณะนั้น ตนรู้สึกตัวจึงกัดที่นิ้วมือข้างซ้ายของผู้ก่อเหตุและต่อสู้กันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะโดนชกจนบอบช้ำ หมดแรง และฟันล่างหัก 3 ซี่ ตนถามนายกำพลว่าต้องการอะไร อยากได้อะไรก็จะยอม และได้คำตอบว่า “อยากได้ยาย” ก่อนที่นายกำพลจะลงมือข่มขืนโดยลากตนเข้าไปในห้องน้ำ ระหว่างนั้นตนพยายามพูดจาหว่านล้อมต่างๆ เพื่อไม่ให้โดนทำร้ายจนสุดท้ายนายกำพลก็ยอมใจอ่อนและตัดสินใจหนีไป หลังจากนั้นตนจึงโทรศัพท์หาเพื่อนบ้านให้มาช่วย
นางมนันญากล่าวว่าตนสามารถจำหน้าคนร้ายได้เป็นอย่างดีเพราะบ้านอยู่ห่างกันเพียงประมาณ 100 เมตร หลังเกิดเหตุตำรวจได้สอบสวนข้อมูลจากผู้เสียหาย จากนั้นจึงออกติดตามและสามารถจับกุมนายกำพลซึ่งหลบหนีไปอยู่บ้านเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกันได้ นายกำพลยอมรับสารภาพว่าได้บุกเข้าบ้านหวังจะข่มขืนนางมนันญา แต่ยังทำไม่สำเร็จ ก่อนหลบหนีออกไปทางหลังบ้าน อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะส่งตัวนายกำพลดำเนินคดีในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเรา โดยใช้กำลัง ประทุษร้าย ผู้อื่นในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ และบุกรุกเคหะสถานในเวลา กลางคืน
จากกรณีที่มีผู้โพสต์ข้อความเรียกร้องความยุติธรรมในเพจ ‘กระจอกข่าว’ กรณีเด็กสาววัย 15 ปีถูกน้าแท้ๆ ของแฟนหนุ่มข่มขืน ทราบชื่อคือ นายวัชรินทร์ หรือ น้อย อายุ 32 ปี โดยบุกเข้าบ้านแฟนหนุ่มไปทางหน้าต่าง เกิดเหตุช่วงที่ปลอดคน และแฟนหนุ่มไม่อยู่บ้านนั้น มารดาได้พาผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่ รพ.มหาราช จ.นครราชสีมา พบมีร่องรอยการข่มขืนจริง และได้แจ้งความที่สภ.เมืองนครราชสีมา อย่างไรก็ตาม ในโพสต์มีการระบุว่าคดีไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นบุคคลกว้างขวาง
ล่าสุดวันนี้ (9 พ.ค.) มารดาของผู้เสียหายอายุ 32 ปี เผยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่คืนวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยลูกสาวได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ในวันเกิดเหตุ นายน้อยซึ่งเป็นน้าแท้ๆ ของแฟนมาเคาะประตูห้องน้ำ แต่ลูกสาวก็ไม่ยอมเปิด หลังอาบน้ำเสร็จก็รีบวิ่งเข้าห้องนอน ซึ่งนายน้อยก็ตามมาเคาะอีก และลูกสาวก็ไม่ยอมเปิดอีก แต่นายน้อยกลับปีนเข้าไปทางหน้าต่างที่ไม่ได้ล็อก และลงมือก่อเหตุขืนใจในที่สุด
แนะนำ : เคล็ดลับต่างๆ | เว็บรวมวิธีต่างๆ How to | จัดอันดับซีรีย์ | รีวิวครีม